27 เม.ย. 2558
นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นโครงการภายใต้โครงการพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่แรงงานประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ ของกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน รับผิดชอบโครงการสร้างทักษะแรงงาน/วิชาชีพ(ลาว/กัมพูชา/เมียนมาร์) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรรัฐบาล เอกชน ประชาชน เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและแรงงานทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายประเทศเพื่อนบ้าน สร้างความเชื่อมโยง ความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามแนวชายแดน
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดมุกดาหาร ได้ประสานงานกับแผนกแรงงานและสวัสดิการสังคมแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จัดทำ “โครงการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงาน สปป.ลาว” เพื่อเพิ่มทักษะฝีมือและประสิทธิภาพแรงงาน สปป.ลาว รองรับการย้ายฐานการผลิตและบริการของสถานประกอบกิจการ สัญชาติไทย ที่อาจย้ายฐานการผลิตไปเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน – เซโน (Savan – Seno Special Economic Zone) แขวงสะหวันนะเขต และเตรียมความพร้อมแรงงานฝีมือรองรับการขยายตัวของจังหวัดมุกดาหารซึ่งขอจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นเดียวกัน และป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงานไร้ฝีมือจาก สปป.ลาว เข้าสู่จังหวัดมุกดาหาร ในปลายปี 2558 เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
โดยดำเนินการใน 5 สาขาอาชีพ คือ สาขาการเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร สาขาการซ่อมรถจักรยานยนต์ 1 สาขาการซ่อมเครื่องปรับอากาศ สาขาการตรวจซ่อมไมโครคอมพิวเตอร์ และสาขาการเชื่อมไฟฟ้า ระดับ 1 สาขาอาชีพละ 20 คน รวม 100 คน ใช้หลักสูตรยกระดับฝีมือของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานระยะเวลาฝึก 60 ชั่วโมง (10 วัน) ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน - 7 พฤษภาคม 2558 ณ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดมุกดาหาร ผู้ผ่านการฝึกจะได้รับวุฒิบัตรรับรองผลการฝึกในสาขาอาชีพที่เข้ารับการฝึก
นายสรสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นโครงการฯ ที่ดี นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมแรงงานฝีมือรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปลายปี2558 แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือเกิดประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายเป็นนิมิตรหมายอันดี เนื่องจากเป็นการดำเนินการเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งผมหวังว่าจะมีโครงการฯ ลักษณะนี้ต่อไปในอนาคต