การแสดงผล

+
-

วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม ภารกิจ

วิสัยทัศน์

องค์การมีธรรมาภิบาล  บริหารงานเชิงรุก  ส่งเสริมเครือข่าย

พัฒนาฝีมือแรงงานไทยสู่มาตราฐานสากล

พันธกิจ

๑. พัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานและผู้ประกอบกิจการให้มีมาตารฐานฝีมือแรงงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

๒. เร่งรัดพัฒนากำลังความสมรรถนะสูงขึ้น เพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน

๓. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาฝีมือแรงงาน

เป้าประสงค์

๑. เพื่อยกระดับกำลังแรงงานให้มีมาตราฐานความสามารถที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และมีมาตราฐานฝีมือแรงงานในภาพรวม

๒. เพื่อแก้ปัญหาความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงาน

๓. เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถสูงในการให้บริการพัฒนาฝีมือแรงงาน     เพื่่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 ค่านิยมร่วม

๑. มุ่งมั่นทำงานเป็นทีมเชิงรุก

๒. ใฝ่เรียนรู้

๓. มีจิตบริการ

๔. สานสร้างเครือข่าย

ประเด็นยุทธศาสตร์

๑. กำหนดและพัฒนามาตราฐานฝีมือแรงงานในสาขาวิชาชีพต่างๆ ให้ทัดเทียมมาตราฐานสากล

๒. ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในเขตพื้นที่ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ

๓.เตรียมพร้อมฝีมือแรงงานในเขตพื้นที่เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน

๔.เป็นศูนย์กลางข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีความทันสมัย

    และมีขีดความสามารถสูง

๕. เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรให้เป็นผู้นำในการพัฒนาฝีมือแรงงาน

 ภารกิจสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ๑๒ สงขลา

         สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ๑๒ สงขลา มีภารกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาฝีมือแรงงานและศักยภาพของกำลังแรงงานและผู้ประกอบกิจการ เพื่อให้กำลังแรงงานฝีมือได้มาตราฐานในระดับสากลมีความสามารถในการประกอบอาชีพสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และเพื่อส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบกิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันได้ ถือเป้นองค์กรหลักในการดำเนินงานประสานและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานให้ได้มาตราฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมีการดำเนินงานภายใต้ภารกิจสำคัญ ๓ ประการ มีรายละเอียด ดังนี้

          ๑.   การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน

                การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน  เป็นภารกิจหลักที่จะทำให้แรงงานมีการพัฒนาฝีมือเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือและพัฒนาฝีมือแรงงานให้ทันกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยให้ความสำคัญกับสาขาอาชีพที่ขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานเป็นสำคัญ เนื่องจากจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมาจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ขาดปัจจัยสำคัญในการผลิต ได้แก่ แรงงานที่มีฝีมือ ดังนั้น จุดหมายหลักจึงต้องพัฒนาคนให้ทันกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของภาคเศรษฐกิจ โดยได้ดำเนินการฝึกในหลักสูตร ๓ ประเภท คือ

              ๑.๑ หลักสูตรการฝึกเตรียมเข้าทำงาน (Pre-employment  Training)

         มีข้อกำหนดหลักสูตร ดังนี้

                     ก. หมายถึง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานก่อนเข้าทำงาน   เพื่อให้แรงงานมีสมรรถนะการปฏิบัติได้ตามมาตรฐานแต่ละสาขาอาชีพ 

    ๑. วัตถุประสงค์ของการฝึก

๑) เพื่อผลิตกำลังแรงงานฝีมือระดับต้นในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานให้มีเพียงพอกับปริมาณ ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมหรือภาคบริการในพื้นที่

๒) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่กำลังจะเข้าสู่การทำงานในตลาดแรงงาน ในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทัศนคติที่ดีต่ออาชีพ ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างเสริมนิสัยใน   การทำงาน ให้สามารถปฏิบัติงานขั้นพื้นฐานของแต่ละสาขาอาชีพเป็นอย่างดี

                    ๒. กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่แรงงานใหม่หรือแรงงานที่จะเข้าสู่การทำงานในตลาดแรงงานซึ่งยังไม่มีพื้นฐานด้านอาชีพ

                    ๓. ระยะเวลาการฝึก ฝึกโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค  ซึ่งมีหน้าที่จัดฝึกอบรม ตั้งแต่ ๒๘๐ ชั่วโมงหรือ ๒ เดือนขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑,๖๘๐ ชั่วโมงหรือ ๑๒ เดือน และฝึกในกิจการอีก ๑ - ๔ เดือน (แล้วแต่สาขาอาชีพ)  

                   ข. หมายถึง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานก่อนเข้าทำงาน เพื่อเสริมศักยภาพของแรงงานให้สามารถปฏิบัติงานในอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                   ๑. วัตถุประสงค์ของการฝึก

                    ๑) เพื่อเสริมสร้างกำลังแรงงานฝีมือระดับต้น  ในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ให้มีเพียงพอกับปริมาณความต้องการของภาคอุตสาหกรรม หรือภาคบริการ   ในพื้นที่

                    ๒) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่กำลังจะเข้าสู่การทำงานในตลาดแรงงาน ให้มีความรู้และทักษะเสริมด้านต่างๆ ที่จะสนับสนุนการปฏิบัติงานในอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                  ๒. กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ แรงงานใหม่ หรือแรงงานที่จะเข้าสู่การทำงานในตลาดแรงงานซึ่งมีพื้นฐานด้านอาชีพอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ทำงาน

                  ๓. ระยะเวลาการฝึก ฝึกโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ตั้งแต่ ๓๕ ชั่วโมงขึ้นไปแต่ไม่เกิน ๒๘๐ ชั่วโมง

๑.๒  หลักสูตรการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน (Upgrade  Training)

มีข้อกำหนดหลักสูตร ดังนี้

                    ก. หมายถึง การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน เพื่อเพิ่มเติมความรู้ความสามารถ และทักษะในด้านอาชีพให้กับแรงงานได้มีศักยภาพการทำงานที่สูงขึ้น

                ๑. วัตถุประสงค์ของการฝึก

                    ๑) เพื่อยกระดับฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

           ๒) เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะในด้านอาชีพที่มีอยู่แล้วให้สูงขึ้น

           ๓) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้แรงงานได้พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ

                ๒. กลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่ทำงานอยู่แล้ว หรือผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาแล้ว ซึ่งต้องมีพื้นฐานความรู้ ความสามารถและทักษะที่เกี่ยวข้องกับสาขาอาชีพที่จะเข้าฝึก

               ๓. ระยะเวลาการฝึก ฝึกโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ตั้งแต่ ๖ ชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๒๔๐ ชั่วโมง

                    ข. หมายถึง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานเพื่อเพิ่มความรู้ ความสามารถ และทักษะในด้านการบริหารจัดการหรือความรู้เสริมอื่นๆ ที่จะสนับสนุนให้การปฏิบัติงานในอาชีพหลักของแรงงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

           ๑. วัตถุประสงค์ของการฝึก

                       ๑) เพื่อเสริมศักยภาพของแรงงานให้สามารถปฏิบัติงานในอาชีพหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                      ๒) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้แรงงานได้พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

         ๒. กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่ทำงานอยู่แล้ว หรือผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาแล้ว

                  ๓. ระยะเวลาการฝึก ฝึกโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ตั้งแต่ ๖ ชั่วโมงขึ้นไปแต่ไม่เกิน ๒๔๐ ชั่วโมง

๑.๓  หลักสูตรการฝึกอาชีพเสริม (Re-training)

                หมายถึง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานเพื่อเพิ่มเติมความรู้ความสามารถในสาขาอาชีพอื่นที่นอกเหนือจากอาชีพที่ปฏิบัติอยู่ตามปกติหรือนอกเหนือจากความรู้เดิม

               โดยมีข้อกำหนดหลักสูตร ดังนี้

                  ๑.  วัตถุประสงค์ของการฝึก

                       ๑) เพื่อสร้างโอกาสให้กับแรงงานได้มีอาชีพอื่นเพิ่มขึ้นตามความถนัดและความสนใจของแรงงานที่นอกเหนือจากอาชีพที่ปฏิบัติอยู่ตามปกติ

                       ๒) เพื่อให้ผู้ที่ทำงานอยู่แล้วสามารถประกอบอาชีพใหม่ควบคุมกับอาชีพเดิม หรือเปลี่ยนอาชีพใหม่ และผู้ว่างงานได้มีงานทำมากขึ้น

                       ๓) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ที่ทำงานอยู่แล้วหรือผู้ว่างงานได้พัฒนาตนเอง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพใหม่

                 ๒.  กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่ทำงานอยู่แล้ว หรือผู้ว่างงานที่ประสงค์จะมีอาชีพใหม่หรืออาชีพเสริม

                 ๓.  ระยะเวลาการฝึก ฝึกโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ตั้งแต่ ๖ ชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๔๘๐ ชั่วโมง       

                 ๒. การทดสอบฝีมือมาตรฐานแรงงาน

               มาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และทัศนะคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ

               การทดสอบฝีมือมาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นการทดสอบฝีมือ ความรู้ความสามารถและทัศนะคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพตามเกณฑ์กำหนดของมาตรฐานฝีมือแรงงาน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

                 ๑)   การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ

               เป็นข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และทัศนะคติในการทำงานของผู้ประกอบการอาชีพในสาขาต่างๆ เพื่อประเมินศักยภาพ ทักษะ ฝีมือ และสมรรถนะการทำงานของแรงงานฝีมือ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต และสร้างมูลค่าสำหรับการแข่งขันของประเทศ

               มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๕ มีคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงานทำหน้าที่บริหารและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติแต่ละสาขาอาชีพขึ้น โดยการกำหนดฝีมือแรงงาน จะเป็นการจำแนกระดับฝีมือแรงงานตามความรู้ความสามารถในการทำงานสาขาอาชีพต่าง ๆ ตามลักษณะที่ควรรู้และสามารถทำได้ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามลำดับความยากง่ายของงาน เพื่อใช้ทดสอบประเมินศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ ทักษะฝีมือ ทัศนะคติ และสมรรถนะการทำงานของแรงงานมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ แบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับ ๑ ระดับ ๒ ระดับ ๓

                ๒)   การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานตามความต้องการของสถานประกอบกิจการ

                  เป็นการทดสอบฝีมือ ความรู้ความสามารถ และทัศนคติในการทำงานของแรงงาน ที่เป็นความต้องการเฉพาะตำแหน่งในสถานประกอบการหรือนายจ้าง

               ๓)   การทดสอบฝีมือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ

                  เป็นการทดสอบฝีมือ ความรู้ความสามารถ และทัศนะคติในการทำงานของคนหางาน เพื่อจะไปทำงานในต่างประเทศ โดยทำการทดสอบฝีมือจากแบบทดสอบฝีมือคนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ

                ๓. การส่งเสริม/พัฒนาฝีมือแรงงานในสถานประกอบกิจการ

               จากกระบวนการผลิตที่เปลี่ยนจากการใช้แรงงานคนเป็นหลัก ไปสู่การใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย จึงมีผลต่อรูปแบบการจ้างงานที่ใช้ทักษะฝีมือมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือจึงเพิ่มขึ้นตามมา นอกจากนี้การที่ค่าจ้างแรงงานของประเทศเพื่อนบ้านมีอัตราต่ำกว่าประเทศไทย ทำให้เกิดการเคลื่อนย้าย

                ฐานการผลิตและการลงทุนไปในประเทศที่มีอัตราค่าจ้างแรงงานต่ำกว่า ดังนั้น ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับคุณภาพคนที่ได้มาตรฐานและเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพการผลิตมูลค่าและมาตรฐานของสินค้า แต่ระบบการศึกษา ไม่สามารถผลิตคนออกมาได้ทันและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งหน่วยงานของรัฐก็มีข้อจำกัดในการช่วยยกระดับฝีมือให้แก่แรงงานในสถานประกอบกิจการให้ทันกับเทคโนโลยีการผลิต รัฐบาลจึงมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมพัฒนาฝีมือแรงงานในระบบการจ้างงานในสถานที่ประกอบกิจการขอตนเอง โดยใช้มาตรการจูงใจภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕  รวมทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการส่งเสริมในเรื่องมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานสู่ประสิทธิผล คุณภาพ และประสิทธิภาพในระดับสากล

                พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ บัญญัติขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบกิจกาภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาฝีมือแรงงานมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อกำหนดเรื่องกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งกำหนดให้สถานที่ประกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๑๐๐ คน ขึ้นไป ต้องฝึกอบรมฝีมือแรงงานบุคลากรของสถานประกอบกิจการไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของลูกจ้างในแต่ละปี  ถ้าไม่จัดฝึกอบรมหรือฝึกอบรมไม่ครบตามสัดส่วนที่กำหนด จะต้องส่งเงินสบทบเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ ๑ ของค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสบทบ(๓,๙๙๐ บาท/เดือน )  โดยคิดจากจำนวนลูกจ้างที่ไม่ได้จัดฝึกอบรมตามสัดส่วนและสถานประกอบกิจการที่จัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน สามารถนำค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกอบรมไปยกเว้นภาษีได้ร้อยละ ๑๐๐ ตาม พ.ร.ฎ. (ฉบับที่ ๔๓๗) พ.ศ.๒๕๔๘ ซึ่งออกตามประมวลรัษฎากร