มติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือปฏิบัติและยืนยันเจตนารมณ์ อย่างแน่วแน่ที่จะร่วมกับประชาคมโลกในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด โดยมีหน่วยงาน/องค์กรภาคีที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน     

      ปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในปัญหาด้านความมั่นคงที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและเห็นผล เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร บรรเทาความเดือดร้อน ลดความรุนแรงให้กับประชาชน ตลอดจนสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับประเทศชาติ โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย ในการปราบปรามอย่างจริงจัง เช่น ยึด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด เพื่อตัดวงจรการค้า ยาเสพติด และดึงผู้เกี่ยวข้องออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร โดยใช้กลไกชุมชนเป็นฐานในการสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การเร่งนำผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ เข้ารับการบำบัดรักษาจนครบกระบวนการ ควบคู่กับการป้องกันยาเสพติดเพื่อลดจำนวนผู้เสพรายใหม่ ตลอดจนลดการเกิดพฤติการณ์ซ้ำโดยใช้แนวคิดสาธารณสุขนำทางในการแก้ปัญหา มุ่งบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคมให้กับผู้ป่วยยาเสพติดให้สามารถกลับคืนสู่สังคมได้ โดยให้เปลี่ยนมุมมองจาก ผู้เสพ คือ อาชญากรรม เป็น “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิต ลดการตีตราทางสังคม และฟื้นฟูทุนมนุษย์ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายในการรวมพลัง สร้างกระแส ปลุกทุกภาคส่วนให้ตื่นตัวลุกขึ้นมาร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะยาเสพติดเป็นปัญหา ทางสังคม และยาบ้าเป็นปัญหาของประเทศ ดังนั้น ครอบครัว หมู่บ้าน ชุมชน สังคม และประชาชน ต้องร่วมกันแสดงจุดยืนในการต่อต้านยาเสพติด และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ “ปัญหายาเสพติด ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย”